INTRODUCTION |
Jing: สวัสดีค่ะ |
Ja: Ja Here! Hello, and welcome back to ThaiPod101.com. This is Upper Intermediate Season 1, Lesson 12 - It's so soft, it must be Thai silk. In this lesson you'll learn about using the phrases “โทรไป thoo-bpai”, “โทรมา thoo-maa”, “โทรหา thoo-hǎa”, and “โทรออก thoo-àawk” to talk about "calling out", "calling in", “calling for”, and "calling to" by phone. |
Jing: This conversation takes place at the airport. |
Ja: It’s between three co-workers - Pong, Bow and Ning. |
Jing: The speakers are close to each other, so they’ll be using informal Thai. |
Ja: Let’s listen to the conversation. |
DIALOGUE |
A: ที่บ้านของโบว์โทรมาบอกว่าโบว์หายออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ยังไม่กลับมาเลย โทรไปก็ไม่รับสาย โบว์โทรหาหนิงบ้างรึเปล่า หรือหนิงพอจะเดาได้ไหมว่าโบว์เขาหายไปไหน |
B: เปล่านี่คะ โบว์ไม่ได้โทรหาหนิงเลย เดี๋ยวหนิงจะลองโทรหาดูนะคะ ...โทรไม่ติดค่ะ สงสัยแบตจะหมด อย่าคิดมากเลยนะคะพี่ป๋อง |
A: เขาหายไปไหนของเขานะ ไปหาเพื่อนรึเปล่า หรือว่าไปวัด อาจจะไปซื้อผ้าไหมก็ได้ เคยบอกว่าอยากได้ พี่คิดไม่ออกเลย ทำยังไงดีหนิง |
B: หนิงลองโทรหาเพื่อนคนอื่น ๆ แล้วไม่มีใครเห็นโบว์เลย เราอย่ามานั่งเดากันอยู่เลย ออกไปตามหาโบว์กันเถอะค่ะ อ้าวโบว์มาพอดี |
A: โบว์หายไปไหนมา พี่เป็นห่วงมากรู้ไหม พี่กับหนิงกำลังจะออกไปตามหา |
C: ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ จำได้ไหมคะ ที่โบว์เคยบอกพี่ว่า โบว์อยากได้ผ้าไหม วันนี้เขามีงานแสดงวิธีการทอผ้าไหม มีการออกร้านแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไหมราคาถูก โบว์เลยช็อปเพลินไปหน่อย ขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง |
Ja: Now let's hear it with the English translation. |
A: ที่บ้านของโบว์โทรมาบอกว่าโบว์หายออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ยังไม่กลับมาเลย โทรไปก็ไม่รับสาย โบว์โทรหาหนิงบ้างรึเปล่า หรือหนิงพอจะเดาได้ไหมว่าโบว์เขาหายไปไหน |
A: Bow's family called and said that she left the house in the morning and hasn't been back since. They called, and nobody answered. Did Bow call you at all? Or can you guess, Ning, where Bow went? |
B: เปล่านี่คะ โบว์ไม่ได้โทรหาหนิงเลย เดี๋ยวหนิงจะลองโทรหาดูนะคะ ...โทรไม่ติดค่ะ สงสัยแบตจะหมด อย่าคิดมากเลยนะคะพี่ป๋อง |
B: No, she didn't call me at all. Hang on, let me try calling her... The call's not connecting. I bet her battery is dead. Don't think too much. |
A: เขาหายไปไหนของเขานะ ไปหาเพื่อนรึเปล่า หรือว่าไปวัด อาจจะไปซื้อผ้าไหมก็ได้ เคยบอกว่าอยากได้ พี่คิดไม่ออกเลย ทำยังไงดีหนิง |
A: Where'd she disappear to? Did she go to meet a friend? Or did she go to a temple? She may have gone to buy some silk. She's said that she wants to get some. I have no idea. What should I do? |
B: หนิงลองโทรหาเพื่อนคนอื่น ๆ แล้วไม่มีใครเห็นโบว์เลย เราอย่ามานั่งเดากันอยู่เลย ออกไปตามหาโบว์กันเถอะค่ะ อ้าวโบว์มาพอดี |
B: I tried to call some other friends, and nobody has seen Bow. Let's not just sit and guess. Let's go out and look for her. Oh, here she comes now. |
A: โบว์หายไปไหนมา พี่เป็นห่วงมากรู้ไหม พี่กับหนิงกำลังจะออกไปตามหา |
A: Where did you disappear to? I was really worried, you know? Ning and I were just about to go out looking for you. |
C: ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ จำได้ไหมคะ ที่โบว์เคยบอกพี่ว่า โบว์อยากได้ผ้าไหม วันนี้เขามีงานแสดงวิธีการทอผ้าไหม มีการออกร้านแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไหมราคาถูก โบว์เลยช็อปเพลินไปหน่อย ขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง |
C: Settle down. Do you remember that I told you I wanted some silk? Today they had a silk weaving demonstration. They had an exhibition showing cheap silk products. So I got a little absorbed in shopping. I'm sorry that I made everyone worried. |
POST CONVERSATION BANTER |
Ja: Hey Khru Jing, would you say that silk is one of Thailand’s signature products? |
Jing: ใช่เลยค่ะ ผ้าไหมไทยมีชื่อเสียงทางด้านคุณภาพ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ถึงขนาดสายการบินไทยนำไปเป็นคำโฆษณาที่ว่า “Smooth as Silk” เลยนะคะ พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ คุณเคยไปที่บ้าน จิม ทอมป์สัน ไหมคะ |
Ja: ไม่เคยค่ะ ใครคือ จิม ทอมป์สัน เหรอคะ |
Jing: เขาเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ในช่วงปี 1950 และ 60 และได้แนะนำผ้าไหมไทยให้ชาวต่างชาติรู้จักค่ะ เขารักศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยโบราณ และก็ได้รวบรวมบ้านเก่า ๆ จากต่างจังหวัดของไทย เพื่อนำมาสร้างบ้านเรือนไทยหลังงามอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เลยนะคะ |
Ja: That’s interesting. So, is he still around? |
Jing: แต่ที่น่าเศร้าก็คือ เขาหายตัวไป หลังจากวันหนึ่งเขาเข้าไปเดินเล่นในป่าและก็ไม่กลับออกมาอีกเลยค่ะ ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา |
Ja: Hmm...That’s strange. |
Jing: Yes, it is. But he left his house behind. And now it’s an open museum where you can go to see traditional architecture and learn how they make silk. |
Ja: ฟังดูน่าสนใจจังค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสดิฉันจะไปดูด้วยตัวเองนะคะ แต่ตอนนี้เรามาดูคำศัพท์กันดีกว่าค่ะ Okay, now let’s move on to the vocab. |
VOCAB LIST |
Ja: Let’s take a look at the vocabulary for this lesson. |
Jing: The first word we shall see is... |
Ja: รับสาย ráp-sǎai [natural native speed] |
Jing: to answer the telephone |
Ja: รับสาย ráp-sǎai [slowly - broken down by syllable] รับสาย ráp-sǎai [natural native speed] |
Jing: Next |
Ja: เดา dao [natural native speed] |
Jing: to guess |
Ja: เดา dao [slowly - broken down by syllable] เดา dao [natural native speed] |
Jing: Next |
Ja: ผ้าไหม phâa-mǎi [natural native speed] |
Jing: silk |
Ja: ผ้าไหม phâa-mǎi [slowly - broken down by syllable] ผ้าไหม phâa-mǎi [natural native speed] |
Jing: Next |
Ja: ห่วง hùuang [natural native speed] |
Jing: to worry |
Ja: ห่วง hùuang [slowly - broken down by syllable] ห่วง hùuang [natural native speed] |
Jing: Next |
Ja: ตามหา dtaam-hǎa [natural native speed] |
Jing: to look for |
Ja: ตามหา dtaam-hǎa [slowly - broken down by syllable] ตามหา dtaam-hǎa [natural native speed] |
Jing: Next |
Ja: การทอ gaan-thaw [natural native speed] |
Jing: weaving |
Ja: การทอ gaan-thaw [slowly - broken down by syllable] การทอ gaan-thaw [natural native speed] |
Jing: Next |
Ja: งานแสดง ngaan-sà-daaeng [natural native speed] |
Jing: exhibition, display |
Ja: งานแสดง ngaan-sà-daaeng [slowly - broken down by syllable] งานแสดง ngaan-sà-daaeng [natural native speed] |
Jing: Next |
Ja: งานแสดง ngaan-sà-daaeng [natural native speed] |
Jing: product |
Ja: งานแสดง ngaan-sà-daaeng [slowly - broken down by syllable] งานแสดง ngaan-sà-daaeng [natural native speed] |
KEY VOCAB AND PHRASES |
Ja: Let’s take a closer look at some of the words and phrases from this lesson. |
Jing: “โทรไม่ติด thoo mâi dtìt” |
Ja: This phrase means “to call, but the line didn’t connect.” |
Jing: ถูกต้องค่ะ |
Ja: “โทร thoo” is the verb “to call by phone”. |
Jing: คำนี้มาจากคำว่า “โทรศัพท์” แปลว่า “telephone”. |
Ja: And then we have “ไม่ติด mâi dtìt”, which means “to not connect”. |
Jing: “โทรไม่ติด thoo mâi dtìt” is one example of the pattern... Verb 1 + ไม่ mâi + Verb 2 |
Ja: And what is the purpose of this pattern? |
Jing: The second verb shows an unsuccessful result of the first verb. Another example of this pattern is “มองไม่เห็น maawng mâi hěn”. |
Ja: “to look, but not see.” ค่ะ แล้วกลุ่มคำต่อไปละคะ ครูจิง |
Jing: “ไปไหนมา bpai nǎi maa” |
Ja: This phrase means “Where have you been?” |
Jing: ใช่คะ The literal translation would be “Where did you go and come?” “ไปไหนมา bpai nǎi maa” is used to ask where someone went upon their return. |
Ja: In English we’d leave out either the verb “to go” or “to come” in order to ask the same thing. So we might say “Where did you go?” or “Where are you coming from?” และกลุ่มคำสุดท้ายที่เราจะได้เรียนกันคืออะไรคะครูจิง |
Jing: “ช็อปเพลินไปหน่อย cháwp phlooen bpai nàwy” |
Ja: This phrase means “got absorbed in shopping.” |
Jing: ถูกต้องค่ะ |
Ja: “ช็อป cháwp” comes from the English word “shopping”. “เพลิน plooen” means “to enjoy” or “to be absorbed”. And “ไปหน่อย bpai nàwy” means “a little too much”. |
Jing: ดังนั้นความหมายของมันก็คือ “I was enjoying shopping a little too much.” |
Ja: ครูจิงเคยช็อปจนเพลินไปหน่อยบ้างไหมคะ |
Jing: เพลินตลอดเลยค่ะ |
Ja: เหมือนกันเลยค่ะ เอาละค่ะ เรามาต่อกันที่ในส่วนของ Grammar กันเลยดีไหมคะ. Okay, now onto the grammar. |
GRAMMAR POINT |
Ja: In this lesson, you’ll learn to use the phrases “โทรไป thoo-bpai”, “โทรมา thoo-maa”, “โทรหา thoo-hǎa”, and “โทรออก thoo-àawk” to talk about "calling to", "calling in", “calling for” and "calling out" by phone. |
Jing: อ๋อ ใช่ค่ะ เราใช้คำพวกนี้ตลอด ดังนั้นทำความเข้าใจไว้ก็ดีนะคะ คำว่า “โทร” เป็น verb หมายความว่า “to call by phone” อย่างที่บอกว่าคำนี้มาจากคำว่า “โทรศัพท์” หมายความว่า “telephone” |
Ja: We can use the verb “โทร thoo” with four other verbs to describe how a call is made. |
Jing: ถูกต้องค่ะ Those four verbs are... ไป bpai |
Ja: “to go” |
Jing: มา maa |
Ja: “to come” |
Jing: หา hǎa |
Ja: “to look for” |
Jing: and the last one is ออก àawk. |
Ja: “to go out” |
Jing: The verbs “ไป bpai” and “มา maa” are relative to the speaker. |
Ja: Since “ไป bpai” indicates the action moving in a direction away from the speaker, the phrase “โทรไป thoo bpai” would be equivalent to “calling out” or “calling to”. |
Jing: ใช่ค่ะ มีตัวอย่างการใช้จากบทสนทนาของเราก็คือ... |
“โทรไปก็ไม่รับสาย |
thoo-bpai gâaw mâi ráp sǎai”. |
Ja: “I called but nobody picked up the phone.” |
Jing: The opposite expression is “โทรมา thoo-maa”. It means “to call in”. |
Ja: “โทรมา thoo-maa” is used when the speaker wants to say that they are receiving a call from someone else. |
Jing: ใช่ค่ะ สำหรับตัวอย่าง เราสามารถพูดได้ว่า... |
“ทำไมคุณไม่โทรมา |
tham-mai khun mâi thoo-maa”. |
Ja: “Why didn’t you call?” ค่ะ แล้วคำที่สามละคะ |
Jing: Next is “โทรหา thoo-hǎa”. This one means “to call for”. |
Ja: “โทรหา thoo-hǎa” can be used to describe both calling out or receiving a call. |
Jing: ใช่ค่ะ ตัวอย่างหนึ่งจากบทสนทนาของเราก็คือ... |
โบว์ไม่ได้โทรหาหนิงเลย |
boo mâi dâi thoo-hǎa nǐng looei. |
Ja: “Bow didn’t call me at all.” แล้วคำที่สี่คืออะไรคะครูจิง |
Jing: The final verb phrase we have is “โทรออก thoo-àawk”, which means “to call out”. |
Ja: You would use it to say that you are making an outgoing call from a phone. Can you think of a good example of how to use this, Khru Jing? |
Jing: แน่นอนค่ะ ถ้าคุณใช้โทรศัพท์แบบเติมเงินและเงินหมด คุณสามารถพูดว่า... |
เงินในโทรศัพท์ไม่มี เลยโทรออกไม่ได้ |
ngoen nai thoo-rá-sàp mâi mii, looei thoo-àawk mâi dâai. |
Ja: “There’s no credit on my phone, so I can’t call out.” |
OK, how about we run through all four phrases once more so we can remember them well. |
Jing: ค่ะ คำแรกคือคำว่า.... “โทรไป thoo-bpai” |
Ja: “to call to” |
Jing: โทรมา thoo-maa |
Ja: “to call in” |
Jing: โทรหา thoo-hǎa |
Ja: “to call for” |
Jing: และสุดท้ายคือ…”โทรออก thoo-àawk”. |
Ja: “to call out” |
Jing: Remember these four phrases, because Thai people like to use their mobile phones a lot. |
Ja: ใช่ค่ะ อยู่ในประเทศไทยทุกคนต้องได้ใช้คำพวกนี้บ่อยแน่ ๆ |
Outro
|
Jing: Well, that's all we've got time for! We hope you've enjoyed learning with us. Please be sure to check the lesson notes for further information. |
Ja: See you again soon. |
Jing: แล้วเจอกันใหม่ค่ะ |
Comments
Hide